อันตรายจากควันไฟ: ภัยใกล้ตัวที่อาจส่งผลร้ายแรงต่อร่างกาย

by pam
37 views

ควันไฟเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่มักถูกมองข้ามเมื่อเกิดอัคคีภัยหรือเหตุเพลิงไหม้ ควันไฟประกอบด้วยก๊าซพิษและอนุภาคที่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าการสูดดมควันไฟเป็นสาเหตุของปัญหาระบบทางเดินหายใจและโรคหัวใจในระดับประชากร (World Health Organization, 2018) นอกจากนี้ ควันไฟยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดภาวะมลพิษทางอากาศ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง การเข้าใจองค์ประกอบของควันไฟและผลกระทบต่อร่างกายจะช่วยให้สามารถป้องกันตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

องค์ประกอบของควันไฟ

ควันไฟเกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของสารอินทรีย์และวัสดุต่าง ๆ ซึ่งสามารถปล่อยสารพิษหลายชนิด โดยสารพิษหลักที่พบในควันไฟ ได้แก่

  1. ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) – เป็นก๊าซที่ไม่มีสีและไม่มีกลิ่น เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะจับกับเฮโมโกลบินในเลือดแทนที่ออกซิเจน ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนน้อยลง ส่งผลให้เกิดอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ หัวใจเต้นผิดจังหวะ และอาจหมดสติได้ หากได้รับในปริมาณสูงอาจทำให้เสียชีวิตได้ (EPA, 2021)
  2. ไดออกซินและฟูแรน – สารพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ของพลาสติกและวัสดุที่มีคลอรีน เช่น PVC เป็นสารก่อมะเร็งที่มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ระบบสืบพันธุ์ และพัฒนาการของเด็กในครรภ์ (UNEP, 2019)
  3. อนุภาคฝุ่นขนาดเล็ก (PM2.5 และ PM10) – สามารถเข้าสู่ปอดและกระแสเลือด ทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งปอด (Air Quality Index, 2020)
  4. ไฮโดรคาร์บอนโพลีไซคลิกอะโรมาติกส์ (PAHs) – เป็นสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงแข็ง เช่น ถ่านไม้และน้ำมันดิบ เป็นสารก่อมะเร็งที่สำคัญและสามารถสะสมในร่างกายได้ (IARC, 2017)

อันตรายต่อสุขภาพจากควันไฟ

อันตรายต่อสุขภาพจากควันไฟ

ควันไฟเป็นอันตรายต่อสุขภาพในหลายแง่มุม เนื่องจากประกอบด้วยสารเคมีที่เป็นพิษ อนุภาคขนาดเล็ก และก๊าซอันตราย เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ และสารก่อมะเร็ง ควันไฟส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยแบ่งออกเป็นผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกายดังนี้

ผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ

ควันไฟสามารถส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดการระคายเคืองและการอักเสบของปอดและหลอดลม ผู้ที่สูดดมควันไฟอาจพบอาการต่าง ๆ เช่น

    • ไอแห้ง ๆ หรือไอมีเสมหะ
    • ระคายเคืองจมูกและลำคอ
    • หายใจลำบาก หรือหายใจมีเสียงหวีด
    • รู้สึกแน่นหน้าอก

นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง เช่น โรคหอบหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) จะมีความเสี่ยงสูงต่อการกำเริบของโรคเมื่อสัมผัสกับควันไฟ อาจเกิดภาวะหายใจล้มเหลวและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล (CDC, 2021)

ในกรณีที่ได้รับควันไฟในปริมาณมากหรือเป็นเวลานาน อาจนำไปสู่ โรคปอดอักเสบ และ ปอดเป็นพังผืด ซึ่งเป็นภาวะที่ถุงลมในปอดถูกทำลายและลดความสามารถในการแลกเปลี่ยนก๊าซ

ผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด

ควันไฟมีอนุภาคขนาดเล็ก (PM2.5 และ PM10) ที่สามารถแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือดและกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในระบบไหลเวียนโลหิต ส่งผลให้:

    • หลอดเลือดหดตัว ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
    • เพิ่มความเสี่ยงต่อ โรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจขาดเลือด
    • เพิ่มโอกาสเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
    • เพิ่มความเสี่ยงของ หัวใจวายเฉียบพลัน โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคหัวใจอยู่แล้ว

การสัมผัสควันไฟในระยะยาวอาจทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแข็งตัว (atherosclerosis) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง (Harvard T.H. Chan School of Public Health, 2019)

ควันไฟผลกระทบต่อระบบประสาท

ผลกระทบต่อระบบประสาท

ควันไฟมีสารเคมีและก๊าซพิษที่สามารถรบกวนการทำงานของระบบประสาท โดยเฉพาะ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ที่สามารถจับกับฮีโมโกลบินในเลือดและลดปริมาณออกซิเจนที่ไปเลี้ยงสมอง ทำให้เกิดอาการ:

    • มึนงง เวียนศีรษะ
    • ปวดศีรษะ
    • สูญเสียความทรงจำชั่วคราว
    • หมดสติ และในกรณีรุนแรงอาจเสียชีวิต

หากได้รับสารพิษจากควันไฟอย่างต่อเนื่องในระยะยาว อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคทางระบบประสาท เช่น โรคพาร์กินสันและอัลไซเมอร์ เนื่องจากสารพิษบางชนิดสามารถทำลายเซลล์สมองและกระตุ้นให้เกิดการเสื่อมของระบบประสาท (NIH, 2020)

ผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันและผลกระทบต่อเด็ก

ควันไฟอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุ เด็กที่ได้รับควันไฟเป็นประจำมีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคปอดเรื้อรัง (เช่น โรคหืดในเด็ก) และอาจมีพัฒนาการทางปอดที่ไม่สมบูรณ์

สตรีมีครรภ์ที่สัมผัสกับควันไฟอาจเสี่ยงต่อภาวะ คลอดก่อนกำหนด น้ำหนักเด็กแรกเกิดต่ำ และพัฒนาการทางสมองของทารกที่ผิดปกติ เนื่องจากสารพิษบางชนิดสามารถผ่านรกไปยังทารกในครรภ์ได้

ผลกระทบต่อสารก่อมะเร็งในควันไฟ

ควันไฟจากการเผาไหม้ของวัสดุต่าง ๆ โดยเฉพาะพลาสติก ยาง และไม้ สามารถปล่อยสารเคมีที่เป็น สารก่อมะเร็ง เช่น ไดออกซิน (Dioxins), เบนโซไพรีน (Benzo[a]pyrene), และโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAHs) ซึ่งเมื่อสะสมในร่างกายเป็นเวลานาน อาจเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งปอด มะเร็งผิวหนัง และมะเร็งเม็ดเลือดขาว

มาตรการป้องกันและแนวทางปฏิบัติ

มาตรการป้องกันและแนวทางปฏิบัติ

  1. การป้องกันก่อนเกิดเหตุ
    • ติดตั้งเครื่องตรวจจับควันไฟ (smoke detector)ในบ้านและสถานที่ทำงาน เพื่อแจ้งเตือนก่อนที่ควันจะมีความเข้มข้นสูงจนเป็นอันตราย
    • หลีกเลี่ยงการเผาขยะหรือวัสดุที่สามารถปล่อยสารพิษออกมา เช่น พลาสติก ยาง และสารเคมี
    • เตรียมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น หน้ากากป้องกันฝุ่น PM2.5 หรือหน้ากากที่มีตัวกรองคาร์บอน
  2. การปฏิบัติตัวระหว่างเกิดเหตุ
    • ใช้ผ้าชุบน้ำปิดจมูกและปากเพื่อช่วยกรองควันไฟ
    • หากอยู่ในอาคาร ควรปิดประตูและหน้าต่าง ลดการเปิดช่องระบายอากาศเพื่อป้องกันควันไฟเข้ามา
    • หมอบต่ำเพื่อลดการสูดดมควันไฟ เนื่องจากควันจะลอยขึ้นสูง
    • อพยพออกจากพื้นที่ที่มีควันไฟอย่างรวดเร็วและปลอดภัย
  3. การดูแลหลังสัมผัสควันไฟ
    • หากมีอาการหายใจลำบาก ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
    • ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยล้างสารพิษออกจากร่างกาย
    • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ หลังจากได้รับควันไฟ

ในบางองค์กรที่มีขั้นตอนการปฏิบัติงานที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ มักจะมีมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานความร้อน ซึ่งส่วนใหญ่จะมี ผู้เฝ้าระวังไฟ เป็นผู้ที่ดูแลความปลอดภัยในงานเกี่ยวกับความร้อน โดยเฉพาะ

สรุป

ควันไฟเป็นอันตรายที่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้อย่างรุนแรงและยาวนาน การเข้าใจองค์ประกอบและผลกระทบของควันไฟเป็นสิ่งสำคัญเพื่อช่วยให้สามารถป้องกันตนเองและคนรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแนวทางรับมือเมื่อเกิดเหตุสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพและป้องกันอันตรายจากควันไฟได้

ผู้เฝ้าระวังไฟ บุคคลที่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ในการตรวจสอบและเฝ้าระวังการเกิดไฟในระหว่างที่มีการทำงานหรือกระบวนการที่อาจเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ จำเป็นต้องได้รับการฝึกอบรม หลักสูตรผู้เฝ้าระวังไฟ จากศูนย์ฝึกอบรม เพื่อเพิ่มทักษะและความรู้ในเรื่องการป้องกันและปฏิบัติตัวในกรณีเกิดไฟไหม้ อย่างถูกวิธี สมัครวันนี้ลดทันที 40%

สามารถอ่านรายละเอียดหลักสูตรที่ : หลักสูตรผู้เฝ้าระวังไฟ


อ้างอิง

  • American Lung Association. (2022). Health effects of smoke exposure.
  • Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (2021). Wildfire smoke and health.
  • Environmental Protection Agency (EPA). (2021). Carbon monoxide poisoning.
  • Harvard T.H. Chan School of Public Health. (2019). Air pollution and cardiovascular diseases.
  • International Agency for Research on Cancer (IARC). (2017). Polycyclic aromatic hydrocarbons and cancer.
  • National Institutes of Health (NIH). (2020). Carbon monoxide poisoning: Symptoms and treatment.
  • United Nations Environment Programme (UNEP). (2019). Dioxins and furans.
  • World Health Organization (WHO). (2018). Air pollution and public health.

เรื่องยอดนิยม